ตอนนี้เรียกได้ว่าธุรกิจหลายๆ ธุรกิจกำลังเข้าสู่ยุค Digital Transformation แบบเต็มรูปแบบซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนให้คนทำงานดีขึ้น เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพและถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
เทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ก็มีหลายรูปแบบด้วยกัน ตั้งแต่ Tools, AI, Robot ไปจนถึง Machine ต่างๆ และก็รวมไปถึงเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยในรูปแบบ Code หรือ Algorithm คือ รูปแบบการทำงานที่ไม่สามารถมองเห็น หรือจับต้องได้
วันนี้เราจะมาคุยเรื่อง RPA หรือ Robotic Process Automation ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองเห็นและจับต้องได้เช่นกัน
RPA คืออะไร ?
RPA หรือ Robotic Process Automation เป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงการทำงานแบบ Routine เช่น การส่งอีเมล์ การนัดหมาย ระบบการคีย์ กรอกข้อมูล และการสรุปรายงาน ซึ่งในอดีต RPA มีหน้าที่เปลี่ยนการทำงานซ้ำๆ ให้ออกมาเป็นรูปแบบคำสั่ง เพื่อต้องการให้งานมี Output ที่มากขึ้น โดยเฉพาะงานในรูปแบบของเอกสารต่างๆ อาทิ ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจการเงิน และหน่วยงานรัฐ เป็นต้น
RPA ทำงานอย่างไร ?
โดย RPA ก็คือ รูปแบบกระบวนการทำงานอัตโนมัติที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งเพื่อให้สามารถเลียนแบบการทำงานของมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ได้ เมื่อนำมาใช้กับระบบ AI หรือ Artificial Intelligence สามารถวิเคราะห์ Text Analytics แบบอัตโนมัติ หรือเทคโนโลยี Image Recognition ที่เข้ามาช่วยในการอ่านเอกสารทางการเงิน เป็นต้น
และยังสามารถเชื่อมต่อ Data เข้าหาทุกองค์กรเพื่อเก็บข้อมูลแบบ Real-Time ทำให้ระบบ RPA ถูกพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้น มีการสังเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้นรวมไปถึง Customize ให้ตรงกับลักษณะงานที่ต้องใช้อย่างเหมาะสม
เมื่อ RPA ถูกนำมาใช้แทนคน
จากผลการสำรวจ Pwc พบว่า RPA สามาถทำงานได้ถูกต้องแบบ 100% เมื่อเทียบกับความแม่นยำของ Manual Work Process ที่เกิดจาก Human Error หรือความผิดพลาดของงานที่เกิดจากมนุษย์มีถึง 5% ทำให้ปัจจุบันนี้ระบบนี้ถูกนำมาใช้มากกว่า 45% และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของแรงงานทั่วโลกมากถึง 65 ล้านล้านบาทต่อปี
และยังมีการคาดการณ์ถึง RPA ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า ตลาด RPA จะมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 2.9 พันล้านบาทในปี 2021 นี้ หรือคิดเป็นการเติบโตที่ทะลุไปถึง 203% รวมถึงประเทศไทยที่ในปีนี้องค์กรธุรกิจรายใหญ่หลายรายกำลังพัฒนากลยุทธ์ให้สอดคล้องกับระบบเทคโนโลยีอย่าง RPA และ AI เพื่อมุ่งสู่ความเป็น Digital Company แบบเต็มรูปแบบภายในไม่กี่ปีข้างหน้า
แล้วทำไม RPA ถึงน่าสนใจขนาดนั้น…..
จากข้อมูลพบสาเหตุที่องค์กรหลายแห่งเลือกใช้ RPA ก็เพราะว่าสามารถช่วยร่นระยะเวลาทำงานจาก 15 ชั่วโมงเหลือเพียง 20 นาที นอกจากจะช่วยให้งานเสร็จเร็วแล้วยังทำให้เรามีเวลาไปทำสิ่งที่สำคัญและซับซ้อนกว่านั้นได้
ตัวอย่างการนำ RPA ไปใช้กับธุรกิจในปัจจุบันนี้ก็จะมี
- นำไปใช้กับแผนก HR ซึ่งจะช่วยจัดการรายชื่อผู้สมัครจาก 10 ชั่วโมง ให้เหลือ 15 นาทีได้และยังจัดการข้อมูลเงินเดือนรวมไปถึงรายงานที่เกี่ยวกับทรัพยากรบุคคล
- ธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้ระบบการสื่อสาร RPA สามารถเข้าไปช่วยจัดการหรือสำรองข้อมูลทางโทรศัพท์ได้
- RPA ยังสามารถนำไปใช้ในการติดตามหนี้ที่จะจัดการตามช่องทางและตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้การชำระหนี้ตรงตามที่กำหนดไว้
- รวมถึงยังสามารถใช้ RPA ในเอกสารต่างๆ ได้
ในบ้านเราก็มีบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยี RPA อย่าง One To One Contact ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี RPA และ ระบบการทำงานหลากหลายรูปแบบ สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.otoprofessional.com
สุดท้ายนี้อยากให้คนที่มีธุรกิจลองมองภาพรวมของ Flow งานทั้งหมดดู และมานั่งวิเคราะห์ว่าจุดไหนบ้างที่สามารถนำเทคโนโลยีอย่าง RPA เข้ามาช่วยได้ เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานและยังสามารถช่วยเรื่องของต้นทุนได้อีกด้วย
เมื่อ RPA สามารถเลียนแบบการทำงานของมนุษย์ได้ สิ่งหนึ่งที่มนุษย์อย่างเราต้องปรับตัวเมื่อ RPA ถูกนำมาใช้เป็น Help Tools มากขึ้นคือ เราต้องพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้นรวมถึงเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับระบบ RPA เพื่อนำมาต่อยอดงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
MISSION TO THE MOON
https://missiontothemoon.co/robotic-process-automation
